[Review] State of Decay 2 รีวิว เกมซอมบี้สุดระห่ำแห่งปี 2018
คะแนนแต่ละส่วน
Gameplay : 9/10
Graphic : 8/10
Story : 6/10
ความคุ้มค่า : 10/10
TOTAL SCORE : 8.25
ข้อดี
- เกมเพลย์แข็งแรง คุณสามารถเล่นตัวเกมได้เพลินจนลืมเวลา
- กราฟฟิกสวย ดูดี และไม่ดูแหวะจนเกินงาม
- มีเสียงเพลงคอยบิ้วอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ทำให้เกมไม่ดูเงียบเกินไป
- ช่วงเวลากลางวันกลางคืนแตกต่างกันดี ให้อารมณ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจน
- ความเป็นเกมแนว Sandbox Survival MMORPG สไตล์ Open World ทำออกมาได้ดีมากๆ ทุกสิ่งอย่างถูกเน้นไปในด้านใดด้านหนึ่ง มากกว่าจะพยายามยัดใส่ๆ มา ซึ่งสำหรับผมแล้ว ในด้านความเป็น MMORPG ของเกมเกมนี้มีสูงกว่าความเป็น Sandbox หรือเกม Survival อยู่มากทีเดียว หรือกล่าวได้ว่าความเป็น Sandbox, Survival และ Open World มันมาเสริมจุดเด่นด้าน MMORPG ให้ชัดเจนและยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก
ข้อสังเกตุ
- ออปชั่นน้อย ปรับแต่งหลายๆ อย่างได้ไม่เยอะ
- ตัวเกมเล่นนาน ไม่เหมาะกับคนที่ชอบเล่นเกมสั้นๆ หรือทำภารกิจเล็กๆ ซึ่งใช้เวลาไม่นาน
State of Decay 2 เกมซอมบี้ที่ระห่ำยิ่งขึ้นด้วยระบบ Co-op !!
ถือเป็นเกมที่ทำให้เหล่าแฟนๆ ซอมบี้ทุกคนเฝ้ารอกันมานานกว่า 4 ปี กับ “State of Decay 2” เกมล่าซอมบี้รูปแบบ Sandbox Survival MMORPG สไตล์ Open World ที่พึ่งวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยตัวเกม State of Decay ภาคแรกได้ทำการวางจำหน่ายไปเมื่อปี 2013 ซึ่งถือเป็นเกมแนวซอมบี้ที่ได้รับความนิยม และมีเหล่าแฟนเกมติดตามเป็นจำนวนมาก โดย State of Decay 2 เป็นเกมจากทีมนักพัฒนา Undead Lab และ Microsoft Studios ซึ่งได้ทำการเปิดตัวครั้งแรกในงาน E3 2016 และด้วยระยะกว่า 4 ปี ทำให้ State of Decay 2 อัพเดทตัวเกมจากภาคแรกในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะกราฟฟิก เกมเพลย์ ไปจนถึงความหลากหลายของเหล่าศัตรูจำนวนมาก โดยเฉพาะการเพิ่มระบบ Co-op เข้ามา จัดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกมเกมนี้กลายเป็นเกมซอมบี้ที่สมบูรณ์แบบเกมหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งตัวเกมจะวางจำหน่ายลงบนแพลตฟอร์ม PC และ Xbox One เท่านั้น และหากใครกำลังจะติดสินใจสามารถ ติดตามบทความ State of Decay 2 รีวิว ตัวเกมได้ดังต่อไปนี้ครับ
ดูวิธีซื้อ State of Decay 2 ราคาถูก
เนื้อเรื่อง State of Decay 2
“รวบรวมผู้รอดชีวิต พลิกฟื้นเมืองกลับมาอีกครั้ง”
เรื่องราวของตัวเกมจะกล่าวถึงเมืองเล็กๆ ในแถบประเทศอเมริกา ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 1 ปีจาก State of Decay ในภาคแรก ยังคงมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก หลายๆ เมืองเริ่มล่มสลาย เหล่าทหารหาญไม่สามารถหยุดฝูงซอมบี้จำนวนมากได้ และตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผา ที่อีกไม่นานจะสูญสิ้นสายพันธุ์ แต่เรื่องนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา ว่าจะอยู่ต่อไปหรือจะตายกลายเป็นฝูงซอมบี้ เราจะได้ทำการรวบรวมเหล่าผู้ยังเหลือรอด ก่อสร้างชุมชน หาวัตถุดิบ พัฒนาสิ่งต่างๆ และอยู่รอดต่อไปให้ได้กลางฝูงซอมบี้จำนวนมาก ตัวเกมจะให้เราได้ก่อร่างสร้างฐานที่มั่น เพื่อเอาไว้พักผ่อน และป้องกันตัวจากฝูงซอมบี้ หน้าที่ของเราคือต้องคอยอัพเกรดตัวละครของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และจัดการทรัพยากร เพื่อมีชีวิตรอดอยู่ในโลกซอมบี้นี้ต่อไป
สวมบทเป็นผู้รอดชีวิต อยากเล่นเป็นใคร เก่งด้านไหน เลือกได้อย่างอิสระ !!
เมื่อเริ่มเกมมาเราจะได้ทำการเลือกเหล่าตัวละคร โดยจะได้สวมบทเป็น 2 บทบาทในหนึ่งกลุ่มตัวละคร ซึ่งตัวละครแต่ละตัวในเกมนี้จะมีพลังความสามารถแตกต่างกันออกไป บางคนเก่งต่อสู้ บางคนวิ่งได้ดี บางคนยิงปืนเก่ง บางคนเจรจาได้ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งส่งผลเป็นอย่างมากต่อแนวทางการเล่นภายในเกม นอกจากนี้ตัวละครแต่ละกลุ่มก็จะมีเรื่องราว และจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม ความสามารถต่างๆ ที่ระบุเอาไว้ในช่วงต้นเราสามารถพัฒนาขึ้นได้จากการทำสิ่งเดิม ซ้ำไปซ้ำมา เช่นต่อสู้บ่อยๆ ยิงปืนบ่อยๆ สร้างสิ่งของบ่อยๆ เป็นต้น
ดังนั้นสิ่งที่ส่งผลมากๆ ต่อการเลือกตัวละครของเรา ก็คือเรื่องราวภายในเกมที่เราอยากเล่นเสียมากกว่า โดยอย่างที่ผมได้กล่าวไว้ ตัวละครแต่ละกลุ่มจะมีเรื่องราวแตกต่างกันออกไป ซึ่งนั่นส่งผลต่อจุดเริ่มต้นภายในเกม และมิชชั่นที่เราจะได้รับในการเล่น รวมไปถึงจุดจบของเรื่องราวในตัวเกม ก็จะขึ้นอยู่กับตัวละครนั้นๆ อย่างไรก็ตาม State of Decay 2 ก็ยังคงเป็นเกมแนว Sandbox สไตล์ MMORPG ที่ให้อิสระแก่เลือก เล่น และการตัดสินใจของเรา เราสามารถเลือกทำภารกิจอะไรก็ได้ที่เจอตามทาง หรือจะเดินผ่านมันไปเฉยๆ ก็ได้เช่นกัน
Gameplay ของ State of Decay 2
สยองขวัญ ผจญภัย ค้นหา และเอาตัวรอด !!
ดูวิธีซื้อ State of Decay 2 ราคาถูก
ภายใน State of Decay 2 สิ่งแรกๆ ที่เราต้องทำอยู่ตลอดคือการสืบค้น เพราะอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราหาพบเจอระหว่างทาง ไม่ว่าจะค้นกล่อง เก็บนู่นนี่นั่น มันล้วนสำคัญแก่การอยู่รอดของเราแทบทั้งสิ้น โดยอุปกรณ์ในเกมเกมนี้นอกจากจะมีจำกัดแล้ว มันยังมีค่าการใช้งาน หรือกล่าวง่ายๆ ว่า หากใช้งานอุปกรณ์ไหนนานๆ หรือหลายๆ รอบ มันก็สามารถพังได้ สำหรับวัตถุดิบต่างๆ ที่เราเก็บมาได้ ในตอนแรกๆ มันอาจจะดูไม่มีประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือสิ่งสำคัญทีเดียวที่เราจะนำมันมาใช้คราฟเป็นอุปกรณ์ในการเอาตัวรอดต่างๆ ของเราต่อไปในอนาคต
ภายในเกม โหมดเนื้อเรื่องแม้จะเป็นการเล่นคนเดียว แต่ตัวเกมก็ใช่ว่าจะปล่อยให้เราเดียวดาย เพราะตัวเกมจะให้เราได้เล่นร่วมกับ AI ซึ่งมันก็จะช่วยเราทั้งในการต่อสู้ รวมไปถึงเป็นภาระแก่ตัวเราในบางที ทั้งนี้ในโหมดเนื้อเรื่อง โดยส่วนใหญ่เราจะเล่นตามมิชชั่นที่ตัวเกมกำหนดมา เช่นหาของ หรือทำนู่นนี่นั่นเป็นหลัก แต่ด้วยความที่ตัวเกมถูกออกแบบมาให้เป็นสไตล์ Open World ทำให้เวลาที่เราทำภารกิจที่ตัวเกมกำหนด เราสามารถออกนอกเส้นทาง หรือทำนู่นนี่นั่นได้อย่างอิสระ เพียงแต่ว่า เพื่อนๆ อย่าได้ลืมเชียวว่ามันคือเกมแนว Survival ของทุกสิ่งมีวันหมด อาหารก็เช่นเดียวกัน
ในด้านการต่อสู้ของเกมเกมนี้ค่อนข้างทำออกมาอย่างหลากหลาย มีทั้งต่อสู้ระยะประชิดด้วยอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ มีการใช้ปืนในการต่อสู้ระยะไกล และยังมีการรอบฆ่า(stealth) สำหรับย่องไปฆ่าซอมบี้จากด้านหลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้การต่อสู้ไม่ยากจนเกินไป เน้นสู้ง่ายๆ แต่ตัวเกมจะยากขึ้นทันทีเมื่อเราโดนเหล่าซอมบี้จำนวนมากรุมทึ้ง อย่างไรก็ตาม พื้นฐานการเล่นหลักของเกมเกมนี้คือค้นหา คราฟของ ทำภารกิจ พัฒนา และวนกลับไปทำแบบเดิมซ้ำไปมาเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานการเล่นที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งทางด้านศัตรูในเกมเองก็มีอย่างหลากหลาย โดยศัตรูแต่ละตนก็ล้วนมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป (ไม่ได้มีแค่ซอมบี้เพียงอย่างเดียว) ทำให้การต่อสู้ของเราจะต้องใช้ความชำนาญ และการวางแผนมากขึ้นกว่าภาคแรก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเกมจะเป็นแนว Open World ที่มีแมปค่อนข้างกว้าง ก็ใช่ว่าเราจะเดินทางยากลำบากแต่อย่างใด เพราะตัวเกมได้เตรียมระบบยานพาหนะให้เราแล้ว ทำให้เราออกสำรวจไปยังที่ต่างๆ และวิ่งรถกลับมาบ้านที่ตนเองได้ทุกเมื่อ หรืออยากจะสลับเล่นเป้นตัวละคร AI ที่เราชักชวนมาอยู่ด้วยกันก็ยังได้ นั่นทำให้เกมเกมนี้มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย สามารถสลับตัวละครไปมาเพื่อทำหลายๆ อย่างในเวลาไกล้เคียงกันได้ หรือจะเลือก AI ตนไหนมาเป็น AI ผู้ช่วยก็ได้ทั้งนั้น แต่การใช้ AI ก็ควรระวัง เพราะถ้า AI ตนไหนตาย ก็จะตายเป็นการถาวร
ระบบ Co-op ที่แฟน State of Decay รอคอย
สิ่งที่แฟนเกม State of Decay หวังในภาคแรกก็คือการเล่น Co-op ได้ และในภาค 2 นี้มันก็สามารถทำได้จริงๆ แล้ว โดยเราสามารถชวนเพื่อนอีก 3 คนมาเล่นร่วมกับเราได้ ซึ่งถ้าพูดให้ถูก มันก็คือการชวนผู้เล่นคนอื่นๆ เข้ามาสู่ในโลกของเรา หรือถ้าเราเล่นกับผู้เล่นคนอื่นๆ ก็เหมือนเราเข้าไปยังโลกของผู้เล่นคนนั้น นั่นคือไม่มี Server กลาง หรือ Dedicated Server ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องว่ามี server ในโซนเอเชียหรือไม่ เพราะเราสามารถให้ 1 ใน 4 คน เป็น Host ได้เลย โดยรูปแบบการเล่นก็จะยังคงเหมือนเดิม แต่ดีกว่าตรงที่เราสื่อสารกับเพื่อนๆ ได้ และเพื่อนๆ ของเราก็สามารถเล่นร่วมกับเราได้อย่างอิสระ เช่นเดินทางไปพร้อมกับเราซัก 2 คน อีกคนอยู่ฐานคอยทำนู่นนี่นั่นก็ทำได้เช่นกัน
ภาพรวม State of Decay 2
“การช่วยเหลือ และการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์”
โดยภาพรวมแล้ว State of Decay 2 น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบเล่นเกมแนวซอมบี้ แนว Open World แนว Survival และแนว MMORPG เป็นอย่างมาก เพราะเหล่าทีมงานได้ใส่สิ่งเหล่านี้ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นด้านซอมบี้ ที่จัดเต็มความหลากหลาย ความสยอง และความจริงจังที่ใส่เข้ามาได้อย่างครบถ้วน ซึ่งในจุดนี้ที่ผมชอบก็คือความง่ายในการต่อสู้ แม้ซอมบี้บางตัวจะดูเก่ง แต่มันก็ไม่ยากถึงขั้นที่เราจะปราบมันลงไม่ได้ แต่ความน่ากลัวของมันกลับอยู่ที่จำนวนเสียมากกว่า และนั่นทำให้มันเป็นมิตรกับผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ที่พึ่งเริ่มเล่นเกมแนวนี้
ทางด้านความเป็น Open World ในส่วนนี้ตัวเกมทำออกมาได้ดีครับ คือตัวเกมมีเควสให้เราทำ แต่ไม่ได้ยึดติดว่าเราควรทำเสร็จตอนไหน เรามีอิสระมากจะทำอะไรก็ได้ ที่สำคัญคือเมื่อเราจบเควสหมดแล้ว เราจะได้มีการเปลี่ยนเมือง ซึ่งนั่นหมายความว่าเราต้องเริ่มทำสิ่งต่างๆ ใหม่ทั้งหมด โดยรวมไปถึงการสำรวจสิ่งต่างๆ ใหม่อีกด้วย เรียกได้ว่ามีอิสระให้เราทำเต็มที่แน่นอน สำหรับด้าน Survival ผมขอพูดรวมๆ ผสมไปกับความเป็น Sandbox ของตัวเกมนะครับ โดยความ Survival ของเกมเกมนี้คือการที่อุปกรณ์ทุกอย่างมีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นรถที่เราขับ ก็มีสิทธิ์น้ำมันหมดได้ อาหาร กระสุน อาวุธก็มีวันพัง ดังนั้นมันจึงทำให้เราต้องรู้จักวางแผนในการทำสิ่งต่างๆ แต่ด้วยความที่ตัวเกมผสมความเป็น Sandbox ลงไป ทำให้ตัวเกมเหมือนมีส่วนเติมเต็มขึ้น เรามีเป้าหมายในการเล่นมากขึ้น การอาตัวรอดในแบบ Survival ของเราจะไม่ทำแบบเลื่อนลอย แต่เราจะค่อยๆ ทำเพื่ออัพเกรดฐาน เพิ่มความพร้อมให้กับแหล่งที่อยู่ เพื่อลดแรงกดดันจากความ Survival ให้มันน้อยลง
สุดท้ายทางด้าน MMORPG อันนี้ผมค่อนข้างประทับใจทีเดียว ตัวเกมแม้เราจะเล่นแค่คนเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเดียวดาย สิ่งที่ตัวเกมนำมาใส่ไว้ก็คือการพัฒนาตัวละคร และไม่ใช่พัฒนาตัวเราเพียงคนเดียว แต่ต้องคอยพัฒนาเป็นกลุ่ม ต้องคอยสลับตัวนำมาใช้ เพื่อให้ตัวละครแต่ละตัวมีความชำนาญมากขึ้น ต้องรู้จักชักชวน NPC ที่เจอมาเป็นพวก เพื่อใช้บริหารจัดการส่วนต่างๆ ให้ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ผมว่านี่ถือเป็นจุดแข็งของเกมเลยทีเดียว ซึ่งนั่นการทำให้ตัวเกมมีระบบ Co-op เข้ามา ผมมองว่ามันเป็นเพียงน้ำจิ้ม ที่ใส่เข้ามาให้คนที่อยากลองได้ลองกัน ผมขอจบการ รีวิว State of Decay 2 ไว้เพียงเท่านี้ หากใครสนใจสั่งซื้อตัวเกม State of Decay 2 สามารถดูวิธีซื้อได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
ดูวิธีซื้อ State of Decay 2 ราคาถูก
สามารถติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook : นักล่าเกมถูก – CheapGames Hunter และ LineCheapgameshunter