fbpx

Humble Choice คืออะไร วิธีสมัคร และข้อสงสัย (อดีต Humble montly)

Humble Choice คืออะไร ?

Humble Choice คือ การสมัครสมาชิกกับเว็บไซต์ Humble Bundle (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ Humble Bundle) หลังจากสมัครแล้ว ทาง Humble จะหาเกมมาให้เราเลือกมากกว่า 10 เกมในแต่ละเดือน จากนั้นเราสามารถเลือกเกมที่เราอยากได้ ตาม​​แพ็กเกจที่เราสมัคร ถ้าจ่ายน้อยก็เลือกเกมได้น้อย จ่ายมากก็เลือกเกมได้มาก โดยราคา เริ่มต้นที่ 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 160 บาท)

​ไม่อยากอ่านทั้งหมดเลือกอ่านเฉพาะที่สนใจ

Humble Choice เดือน​มิถุนายน​นี้ ได้เกมอะไรบ้าง ?

​Humble Choice เดือน​มิถุนายนได้เกมดังนี้

  • GRID™ - Ultimate Edition
  • Hellblade Senua's Sacrifice
  • The Messenger + Soundtrack
  • Barotrauma
  • Felix the Reaper
  • Men of War: Assault Squad 2 - Warchest Edition
  • Stygian: Reign of the Old Ones
  • Remnants of Naezith
  • Overload
  • The Stillness of the Wind
  • The King's Bird

​โดยเลือก ได้ 3-9 เกม ตามแพ็กเกจ ที่เราสมัคร โดยสามารถดูรายละเอียดของแต่ละแพ็กเกจได้ที่นี่

Humble Choice เดือน​​มิถุนายนนี้ ​คุ้มไหม ?

​GRID (2019) Ultimate Edition คุณสามารถสั่งซื้อแบบถูกๆที่ G2A ซึ่งราคาประมาณ 250 บาท Hellblade บน G2A ก็ราคาประมาณ 200 บาท Barotrauma เคยลดสูงสุดที่ประมาณ 227 บาท ​ซึ่งนั่นหมายถึง หากคุณจะซื้อแพ็คนี้ให้คุ้ม ต้องถามตัวเองว่า สนใจ เกมมากกว่า 3 เกมขึ้นไปไหมในแพ็คนี้ เพราะถ้าคิดแค่อยากได้แค่ 2 เกม เช่น GRID กับ Barotrauma ก็ยังไม่คุ้ม ต้องอยากได้เกมอื่นอีก 1 เกมถึงจะเริ่มค้ม

ดังนั้น ​Humble Choice เดือน​​มิถุนายนนี้ ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เพราะคุณต้องสนใจและอยากได้เกมถึง 3 เกมในแพ็คนี้ ถ้าคุณสนใจเกมใดเกมหนึ่ง ซื้อแยกจากร้านค้าต่างๆ จะถูกกว่า

สมัคร Humble Choice แล้วได้อะไรบ้าง มีข้อดีอะไร

เมื่อก่อนมีบริการที่ชื่อว่า Humble Monthly ที่มีบริการคล้ายๆกัน คือจ่ายเงินเป็นรายเดือน และได้เกม แต่ถูกยกเลิก เพราะว่ามีปัญหาหลายประการ ซึ่งนักล่าเกมถูกมองว่า Humble Choice ทำออกมาตอบโจทย์คนซื้อเกมได้มากกว่า โดยข้อดีของ Humble Monthly มีดังนี้

  • ​เห็นเกมทุกเกมก็จ่ายเงิน เราสามารถดูเกมได้ก่อนสมัคร Humble Choice ทำให้เราไม่ต้องไปเสี่ยงดวง โดยจะแสดงเกมให้เห็น ทุกวันศุกร์แรก ของแต่ละเดือน
  • ​เราเลือกได้ เมื่อก่อน ระบบ Humble Monthly เราเลือกเกมไม่ได้เลย ซึ่ง Humble Choice ทำออกมาได้ดีมาก
  • ได้รับส่วนลดตอนซื้อเกมบน Humble Store และ เข้าถึง Humble Trove (คลังเกมของ Humble) ซึ่งมีเกมมากมาย เช่น Torchlight 1-2, Overlord 1-2, Limbo, Dead Light และอีก 90 เกม

Humble Choice แต่ละ แพ็กเกจ แตกต่างกันยังไง ?

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น หากเราจ่ายมากก็จะสามารถเลือกเกมได้มาก โดยแต่ละแพ็กเกจ มีความแตกต่างกันดังนี้

  • LITE ราคา $4.99 (ประมาณ 170 บาท/เดือน) : เลือกเกมในแต่ละเดือนไม่ได้ แต่เข้าถึง Humble Trove (คลังเกมของ Humble) ได้ + ส่วนลดซื้อเกมใน Humble Store 10 %
  • BASIC ราคา $14.99 (ประมาณ 500 บาท/เดือน) : เลือกเกมในแต่ละเดือนได้ 3 เกม + เข้าถึง Humble Trove + ส่วนลดซื้อเกมใน Humble Store 10 %
  • PREMIUM าคา $19.99 (ประมาณ 670 บาท/เดือน) : เลือกเกมในแต่ละเดือนได้ 9 เกม + เข้าถึง Humble Trove + ส่วนลดซื้อเกมใน Humble Store 20 %

โดยการซื้อเป็นรายปีนั้นก็จะได้ราคาที่ถูกลงมาอีก

  • ​LITE ราคา $44.99/ปี(ประมาณ ​1,500 บาท​) ​คำนวณเป็นต่อเดือนได้ $3.75/เดือน​(ประมาณ 125 บาท​)
  • BASIC ราคา $​134.99/ปี(ประมาณ ​4,500 บาท​) ​คำนวณเป็นต่อเดือนได้ $11.25/เดือน​(ประมาณ ​375 บาท​)
  • ​PREMIUM ราคา $​179.99/ปี(ประมาณ 120 บาท​) ​คำนวณเป็นต่อเดือนได้ $​15/เดือน​(ประมาณ ​500 บาท​)

​โดยการซื้อแบบรายปีนั้น เราสามารถเลือกได้ว่า จะใช้สิทธิ์เดือนใดบ้าง ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ 12 เดือนติดกัน เว้นได้ตามเราต้องการ คล้ายๆกับเราซื้อคูปอง 12 ชิ้นไว้ ส่วนจะใช้เดือนไหนก็แล้วแต่เรา

วิธีสมัคร Humble Choice

​ขั้นที่ 1 สมัครสมาชิกของ Humble Bundle ก่อน คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการสมัครสมาชิก Humble Bundle

ขั้นที่ 2 ไปที่ Humble Choice คลิกที่นี่ หลังจากนั้นคลิกที่ SUBSCRIBE

ขั้นที่ 3 เลือก​แพ็กเกจที่ต้องการ หากสงสัยว่าแตกต่างกันอย่างไร คลิกที่นี่ เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละแพ็กเกจ หลังจากนั้น กด SUBSCRIBE เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนชำระเงิน

ขั้นที่ 4 ​เลือกชำระเงินเป็นรายเดือน(Month-to-Month) หรือ รายปี(Annual) แล้วกดที่ Continue

ขั้นที่ 5 ​ติ๊กเครื่องหมายถูก ยอมรับข้อตกลง และใช้ paypal ในการชำระเงิน หากยังไม่มี Paypal คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการเปิด Paypal ด้วย True wallet

ขั้นที่ 6 ​เมื่อชำระเงินเรียบร้อย เลือกเกมที่เราต้องการ 3-9 เกม ขึ้นอยู่กับ​​แพ็กเกจที่สมัคร หลังจากได้เกมแล้ว สามารถดูเกมที่ได้รับที่ library

ขั้นที่ 7 ​นำคีย์ไปเปิดใช้งานบน steam หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่ทาง Humble แจ้งได้เลยครับ

Jurassic World Evolution มาเปิดสวนสนุกไดโนเสาร์กันเถอะ

คะแนนของ Jurassic World Evolution รีวิว ตัวเกมในบทความ

jurassic world evolution จุดเด่น

  • เล่นง่าย ใครๆ ก็เข้าถึงได้
  • ไดโนเสาร์มีมากถึง 47 สายพันธุ์
  • ปรับแต่งสภาพภูมิประเทศได้อิสระ
  • มีระบบมินิเกม เช่นการนั่งฮอไปยิงยาสลบไดโนเสาร์ที่หลุดมาเป็นต้น
  • มีระบบภารกิจ ทำให้มีเป้าหมายในการเล่น
  • มีตัวละครจากภาพยนต์เข้ามาแจมด้วย

Gameplay 7/10

Graphic 9/10

Story 7/10

ความคุ้มค่า 8/10

TOTAL SCORE :

7.75

จุดสังเกต

  • ระบบบริหารจัดการไม่ลึกมากนัก
  • มีหลายๆ สิ่งที่อาจทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่สมจริง เช่น AI หรือภารกิจบางถารกิจ
  • ต้องจัดการภารกิจนานพอสมควร ก่อนที่จะเล่นตัวเกมได้อย่างอิสระ

Jurassic World Evolution มาเปิดสวนสนุกไดโนเสาร์กันเถอะ!!

หากใครเป็นแฟนภาพยนต์ไดโนเสาร์สุดสนุกอย่าง Jurassic Park ที่ล่าสุดได้ทำการฉายภาคใหม่ไปเมื่อไม่นานมานี้อย่าง Jurassic World : Fallen Kingdom ผมเชื่อว่าคุณคงไม่พลาดเกมใหม่ล่าสุดที่ได้ทำการหยิบโลกของซีรีย์นี้มา อย่างเกม “Jurassic World Evolution” เป็นแน่ แต่ Jurassic World Evolution จะไม่ใช่เกมที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในภาค 2 และจะไม่ใช่เกมแนว Action ผจญภัยเหมือนกับในตัวภาพยนต์แต่อย่างใด ตัวเกมของ Jurassic World Evolution จะมาในรูปแบบของเกมแนว Simulation ที่เราจะได้บริหารและจัดการเกี่ยวกับสวนสนุกไดโนเสาร์ ที่ได้เห็นในตัวภาพยนต์ในภาคแรกแทน  

“เกมจากผู้สร้างเกมแนวสวนสนุกชื่อดัง สู่เกมสวนสนุกเหนือจินตนาการ”

ทั้งนี้ตัวเกมถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยทีมนักพัฒนา Frontier Developments ผู้มีผลงานฝากไว้กับเกมหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น Elite Dangerous, RollerCoaster Tycoon 3 (โรลเลอร์โคสเตอร์ไทคูน 3) และอื่นๆ อีกมากมายกว่า 20 รายการ โดยสำหรับ Jurassic World Evolution ถือเป็นเกมตัวใหม่ล่าสุดของทีมนักพัฒนาทีมนี้ โดยปัจจุบันตัวเกมได้ทำการวางจำหน่ายไปแล้ว ในวันที่ 12 มิถุนายนที่พึ่งผ่านมานี้เอง ทั้งบนแพลตฟอร์ม PC, PlayStation 4 และ Xbox One โดยมีราคาอยู่บน Steam ที่ 1,699 บาท ใครสนใจคลิ๊กไปที่ Jurassic World Evolution บน Steam ได้เลย แต่ถ้าใครยังลังเลอยู่สามารถติดตาม Jurassic World Evolution รีวิว ฉบับจัดเต็มดังนี้

Jurassic World Evolution

“จุดเริ่มต้นของฝันร้าย มักเริ่มจากสิ่งที่สวยงามเสมอ”

Jurassic World Evolution เป็นเกมแนว Simulation ที่ภายในเกมเราจะได้สวมบทบาทเป็นเจ้าของสวนสนุกไดโนเสาร์มือใหม่ ที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งอย่างในการสร้าง และดูแลสวนสนุกไดโนเสาร์ของเราให้อยู่รอดต่อไป โดยหน้าที่หลักๆ ของเราเลยก็คือการค้นหา DNA ของไดโนเสาร์ต่างๆ และทำการตัดต่อพันธุกรรม สำหรับสร้างสรรค์มันขึ้นมา เพื่อหารายได้และความน่าสนใจให้กับสวนสนุกของเราให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม โดยนอกจากในส่วนการสร้างไดโนเสาร์แล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการสั่งการสิ่งต่างๆ ในสวนสนุก ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง การวิจัย การแก้ไขสิ่งต่างๆ ไปจนถึงการปรับภูมิทัศน์ในสวนสนุกของเราให้ออกมาสมบูรณ์ตามความต้องการ

 

Jurassic World Evolution

 

ในตัวเกมจะประกอบไปด้วย 6 เกาะที่เราจะต้องเข้าไปดูแล และสร้างสรรค์สวนสนุกขึ้นมา โดยจะประกอบไปด้วย 5 เกาะหลัก และ 1 เกาะแบบ Sand Box ซึ่งใน 5 เกาะแรก จะมาในรูปแบบของเกมแนวภารกิจ ที่เราจะต้องทำการแก้ไข และจัดการตามภารกิจที่ให้มาต่างๆ ให้สำเร็จ เพื่อที่จะปลดล็อคเกาะอื่นๆ ต่อไป หรือถ้าให้พูดง่ายๆ ทั้ง 5 เกาะหลักนี้ ก็คือโหมดสอนการเล่นเบื้องต้นต่างๆ ให้กับตัวเรา ได้เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเล่นของตัวเกม และวิธีการบริหารจัดการส่วนต่างๆ ให้เข้าใจได้มากขึ้นนั่นเอง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปอีกมุม 5 เกาะหลักนี้ก็เปรียบได้ดั่งเป้าหมายที่หาได้ยากในเกมแนว Simulation ซึ่งผมคิดว่าทางทีมพัฒนาออกแบบมาได้ดีทีเดียวสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ๆ แต่ก็คงทำความน่ารำคาญให้กับผู้เล่นที่เคยเล่นเกมแนวนี้มาแล้วเล็กน้อย ที่จะต้องมาคอยทำสิ่งต่างๆ ที่เกมกำหนด ไปนานหลายชั่วโมง จนสุดท้ายถึงจะมาเล่นแบบอิสระบนเกาะที่ 6 ได้อย่างเต็มที่

 

Jurassic World Evolution

 

โดยภารกิจต่างๆ ของเกมเกมนี้ นอกจากมันจะเป็นเงื่อนไขในการปลดล็อคเกาะต่างๆ แล้ว มันยังเป็นเงื่อนไขในการปลดล็อคสิ่งต่างๆ ไปจนถึงระบบอีกมากมายในตัวเกม ดั้งนั้นแม้ว่าเราจะสามารถเข้าไปเล่นเกาะที่ 6 ได้แล้ว แต่เราก็จะยังไม่ได้รับเครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆ อย่างครบถ้วน ซึ่งเราต้องย้อนกลับไปเล่นภารกิจต่างๆ ในเกาะหลักให้ครบเสียก่อนนั่นเอง โดยภารกิจเหล่านี้จะถูกกำหนดขึ้นตามแนวทางที่เราเลือกเกี่ยวกับสวนสนุกของเราจาก 3 รูปแบบ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น วิทยาศาตร์ บันเทิง และความปลอดภัย โดยแน่นอนว่าทั้ง 3 รูปแบบนี้จะเน้นไปทางด้านภารกิจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็จะมีภารกิจจากแบบอื่นๆ แทรกเข้ามาให้เราได้ทำได้อยู่ดี ซึ่งก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ดีของตัวเกม ที่ทำให้เรารู้สึกสมจริงมากขึ้น ในการสร้างเป้าหมายให้กับการสร้างสวนสนุกของเราขึ้นมา

 

Jurassic World Evolution

 

“สร้างสรรค์ และ จัดการ หัวใจหลักของตัวเกม”

ในทางด้าน “ระบบการสร้างไดโนเสาร์” ส่วนนี้ผมค่อนข้างว้าวมากๆ ตัวเกมจะให้เราไปค้นหา DNA ของไดโนเสาร์กลับมาก่อน แล้วถึงจะทำการสร้างไดโนเสาร์ตัวนั้นๆ ขึ้นมาได้ ซึ่งแน่นอนว่าเราจำเป็นต้องหา DNA ของมันให้ได้สมบูรณ์มากที่สุดเสียก่อน (ให้มากกว่า 50%) ถึงจะเริ่มมาตัดต่อพันธุกรรมและสร้างมันออกมา โดยการตัดต่อพันธุกรรม จะเป็นการนำสัตว์ชนิดต่างๆ มาผสมผสานเพื่อสร้างไดโนเสาร์ตัวนั้นๆ ขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะส่งผลไปถึงค่าสเตตัสของไดโนเสาร์ของเราที่ถูกสร้างออกมา โดยเราสามารถแต่งได้ว่าไดโนเสาร์ตัวนี้นั้นโดดเด่นทางด้านไหน โดยแม้ว่าจะเป็นไดโนเสาร์พันธุ์เดียวกัน แต่ค่าสเตตัสของมันก็ไม่จำเป็นต้องเท่ากันแต่อย่างใด ซึ่งตัวเกมก็ได้ทำการใส่ไดโนเสาร์ให้เราได้สร้างเข้ามามากถึง 47 สายพันธุ์ด้วยกัน เรียกว่าเอาใจแฟนๆ ภาพยนต์ และคนรักไดโนเสาร์แบบสุด

 

Jurassic World Evolution

 

เอาละเรามาต่อทางด้านในส่วนของการ “บริหารจัดการ” กันบ้าง ในส่วนนี้ตัวเกมออกมาให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ชอบเล่นเกมแนว Simulation หรือไม่เคยเล่นเกมแนวนี้เลย สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย โดยตัวเกมได้ทำการลดระบบจัดการหลายๆ ส่วนออกไป และเน้นไปที่การสั่งการ สร้างสรรค์ และแก้ไขปัญหาเสียมากกว่า ดังนั้นหากใครที่ชอบเกมที่ต้องบริการแบบหนักๆ อาจจะรู้สึกว่าเกมเกมนี้มีระบบบริหารจัดการที่ไม่ลึกพอ หรือไม่สุดพอนั่นเอง โดยการบริหารจัดการภายในเกมนี้เราจะต้องทำ ก็จะได้ทำตั้งแต่การสั่งการสร้างตึกอาคารสำคัญต่างๆ ส่งทีมวิจัยไปขุดหา DNA สร้างสรรค์และตัดต่อพันธุกรรมไดโนเสาร์ให้ได้รับความนิยมมากที่สุด เพื่อหาเงินมาดูแลสวนสนุกต่อไป และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อมีไดโนเสาร์หลุดออกมา เราก็จำเป็นต้องสั่งคนไปยิงยาสลบ และจับมันมาเข้ากรง หรือถ้ามันป่วย ก็ต้องส่งคนไปดูแลรักษามัน โดยในส่วนนี้ได้มีการใส่ระบบมินิเกมเล็กๆ น้อยเข้ามา เช่นบังคับเฮลิคอปเตอร์ และควบคุมปืนยิงยาสลบใส่ไดโนเสาร์ หรือขับรถไปยิงยารักษาไดโนเสาร์ด้วยตัวเองเป็นต้น

 

 

ในแง่ของ “กราฟฟิก” ผมค่อนข้างชอบกราฟฟิกของเกมเกมนี้มากทีเดียว สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตัวเกมคือสภาพแวดล้อมที่ดูมีชีวิตชีวา และดูสมจริง ทั้งตึกรวมไปถึงอาคารต่างๆ ที่ใส่รายละเอียดเข้ามาได้อย่างมีมิติ โดยเฉพาะในส่วนของไดโนเสาร์นี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ เรารู้สึกได้ว่ามันมีชีวิตจิตใจ เรารู้สึกได้ว่ามันดุร้าย เรารู้สึกได้ว่ามันเท่ห์ และดูน่าหลงไหลเป็นอย่างมาก โดยทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้ แทบจะไม่กินสเปคเครื่องของเราเลย ตัวเกมมีระบบการการจัดการแสดงผลที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว กล่าวได้ว่ากราฟฟิกของเกมเกมนี้สอบผ่านอย่างสบายๆ เลยละ

Jurassic World Evolution

“เกมแนว Simulation ที่เหมาะกับแฟนไดโนเสาร์สุดๆ”

สำหรับตัวผมแล้ว Jurassic World Evolution ไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์พร้อมทางด้านบริหารจัดการครับ เมื่อตัวเกมนำไปเทียบกับเกมแนวบริหารจัดการเกมอื่นๆ จะเห็นได้ว่าระบบต่างๆ ของเกมเกมนี้ยังไม่ลึก ไม่ตอบสนองความต้องการในการบริหารพอ แต่ผมเข้าใจทีมพัฒนา ที่ตั้งเป้าหมายไปยังกลุ่มแฟนภาพยนต์ หรือกลุ่มเกมเมอร์ใหม่ๆ ที่ไม่ใช่สาย Simulation ยากๆ แน่นอนสำหรับผมทางด้านความง่ายของตัวเกม ตัวเกมสอบผ่านอย่างท่วมท้น แต่ด้วยระบบต่างๆ ที่เน้นการสั่งการด้วยมือ มันก็ทำให้ผมรู้สึกเบื่อบ้างเหมือนกันที่ต้องทำอะไรซ้ำๆ แต่ถ้ามองมุมกลับ มันก็ให้ความรู้สึกว่าเราเป็นผู้คอยออกคำสั่งเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากใครที่เป็นคอ Simulation จ๋าๆ การที่คุณจะเล่นเกมเกมนี้ คุณต้องทำใจก่อนนะครับ ว่าคุณคือผู้สั่งการ ทุกสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น จะไม่สามารถทำงานด้วยตัวมันเองได้ ถ้าคุณไม่ได้สั่งการมันลงไป ดังนั้นถ้าคุณอยากลองเกม Simulation ใน theme ของไดโนเสาร์ หรือคุณคือแฟนของไดโนเสาร์ตัวจริง เรียกได้ว่า เกม Jurassic World Evolution ถูกสร้างมาเพื่อคุณเลยทีเดียว

[maxbutton id=”10″ url=”https://store.steampowered.com/app/648350/Jurassic_World_Evolution/” text=”ซื้อ Jurassic World Evolution ทันที” ]

หากใครไม่มีบัตรเครดิต สามารถดูวิธีซื้อเกมจาก Steam ผ่าน True wallet ได้ที่นี่ : ซื้อเกม Steam ผ่าน True wallet